วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2563

Teacher Participation in School-Based Professional Development in China: Does It Matter for Teacher Efficacy and Teaching

การศึกษาการมีส่วนร่วมของครูประจำชั้นในโปรแกรมกิจกรรมทางกายภาพของโรงเรียนที่ครอบคลุมตลอดทั้งปี (CSPAP) ที่นำมาใช้ในเขตโรงเรียน K-8 ในเขตชนบทของสหรัฐอเมริกา มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายรูปแบบของการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างครูผู้ดูแลระบบและครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซง (เช่นทุนทางสังคม) และการปฏิสัมพันธ์เหล่านั้นเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของครูหรือไม่

Jordan, Michelle E.; Lorenz, Kent; Stylianou, Michalis; Kulinna, Pamela Hodges
Journal of Teaching in Physical Education,


Teacher Participation in School-Based Professional Development in China: Does It Matter for Teacher Efficacy and Teaching Strategies?
Teachers and Teaching: Theory and Practice, v25 n7 p821-836 2019
Although Chinese teachers commonly participate in school-based professional development activities, there is a remarkable scarcity of large-scale quantitative research into the effectiveness of teacher professional development in China, which is characterised as an institutionalised practice. Based on a conceptual framework applying recent research knowledge, this study investigates the relationships between teacher participation in school-based professional development and its individual and school contextual antecedents and effects on teachers and teaching in the context of mainland China. A total of 1506 secondary school teachers responded to a questionnaire survey. The results show that teachers' willingness to attend teaching research activities and supportive principal leadership facilitated teacher participation. Among the three dimensions of teacher participation, it was collective lesson planning and teacher collegiality, not the frequency of participation, that improved teacher efficacy and the adoption of desirable teaching strategies. These results enrich the knowledge about the characteristics and effectiveness of teacher professional development in China. The implications of the findings are discussed.
Routledge. Available from: Taylor & Francis, Ltd. 530 Walnut Street Suite 850, Philadelphia, PA 19106. Tel: 800-354-1420; Tel: 215-625-8900; Fax: 215-207-0050; Web site: http://www.tandf.co.uk/journals
Publication Type: Journal Articles; Reports - Research
Education Level: Secondary Education
Audience: N/A
Language: English
Sponsor: N/A

วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2563

บทความการบริหารตามหลักธรรมภิบาล

การบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารในทัศนะของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กรุงเทพมหานคร

  • ธวัชชัย นิลประดับคณะครุศาสตร์ สาขาบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
  • ณัฐพล ชุมวรฐายีหลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
  • วัชรพงษ์ แพร่หลายหลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
Keywords: การบริหาร, หลักธรรมาภิบาล, Management, Good Governance.

ABSTRACT

A STUDY OF TEACHERS’ VIEWS ON GOOD GOVERNANCE
PRINCIPLES OF THE SCHOOL ADMINISTRATION UNDER
BANGKOK EDUCATION SERVICE AREA OFFICE
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล
ของผู้บริหารในทัศนะของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กรุงเทพมหานคร ใน 6 ด้าน
ได้แก่ ด้านนิติธรรม ด้านคุณธรรม ด้านความโปร่งใส ด้านการมีส่วนร่วม ด้านความรับผิดชอบ และด้าน
ความคุ้มค่า กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ครูในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถม
ศึกษา กรุงเทพมหานคร ในปีการศึกษา 2557 จำนวน 312 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถามชนิด
มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ที่มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .89 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่
ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว
และเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธีการหาเชฟเฟ่ (Scheffe’)
ผลการวิจัยพบว่า
1. การบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารในทัศนะของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่
การศึกษาประถมศึกษา กรุงเทพมหานครโดยรวมและรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมาก
2. ครูที่อยู่ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างกัน มีทัศนะต่อการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหาร
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กรุงเทพมหานคร โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิตที่ .05 และสำหรับครูที่มีระดับการศึกษา ประสบการณ์ทำงาน และขนาดสถานศึกษาต่างกัน มีทัศนะ
ต่อการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กรุงเทพ
มหานคร โดยรวมไม่แตกต่างกัน

บทความ ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการบริหารงานบุคคล

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการบริหารงานบุคคลในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (Factors affecting the success of personnel management in schools under the Secondary Educational Service Area Office 3 in Ayutthaya province)

Main Article Content

กันยาพร โคจรตระกูล (Kanyaporn Kochorntrakool)
เอกวิทย์ โทปุรินทร์ (Ekkawit Thopurin)
สุเมธ งามกนก (Sumet Ngamkanok)

Abstract

               การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการบริหารงานบุคคลในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 135 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อระหว่าง .22 - .90 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับมีค่าอยู่ระหว่าง .75 - .92 และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (gif.latex?\bar{x}) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson’s product moment correlation coefficient) และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน (Stepwise multiple regression analysis) ในรูปคะแนนดิบและรูปคะแนนมาตรฐาน

               ผลการวิจัย พบว่า 1) ความสำเร็จของการบริหารงานบุคคลในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยรวมอยู่ในระดับมาก 2) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยลักษณะองค์การ ปัจจัยลักษณะบุคคล ปัจจัยสภาพแวดล้อม และปัจจัยนโยบายการบริหารและการปฏิบัติ กับความสำเร็จของการบริหารงานบุคคลในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีความสัมพันธ์อยู่ในระดับมาก โดยทุกด้านมีความสัมพันธ์กันทางบวก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) สมการพยากรณ์ความสำเร็จของการบริหารงานบุคคลในสถานศึกษา สามารถพยากรณ์ความสำเร็จของการบริหารงานบุคคลได้ร้อยละ 70.00 และสร้างสมการณ์พยากรณ์ในรูปคะแนนดิบและรูปคะแนนมาตรฐาน ดังนี้

บทความาการบริหารจัดการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร

ประสิทธิผลการบริหารจัดการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร

Main Article Content

พรชัย อรัณยกานนท์
พรจิต อรัณยกานนท์

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาประสิทธิผลการบริหารจัดการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) (2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลการบริหารจัดการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จำแนกตามปัจจัยภูมิหลัง และ (3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารจัดการสถานศึกษากับประสิทธิผลการบริหารจัดการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ประชากรการวิจัย คือ นักศึกษาของ กศน. เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ในปี พ.ศ.2559 จำนวน 496 คน ขนาดตัวอย่างทั้งสิ้น 220 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การหาค่าความถี่ การหาค่าเฉลี่ย (\bar{X}) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) การวิเคราะห์ความแตกต่างด้วย t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า
1. ประสิทธิผลการบริหารจัดการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.)โดยภาพรวม พบว่า อยู่ในระดับจริงมาก (\bar{X} = 3.82, SD = 0.56) สำหรับผลการพิจารณาเป็นรายด้าน มีค่าคะแนนเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 3.76-3.92
2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างประสิทธิผลการบริหารจัดการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จำแนกตามสถานภาพด้านเพศโดยภาพรวม พบว่า มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 สถานภาพด้านอายุ โดยภาพรวม พบว่า ประสิทธิผลการบริหารจัดการ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ผลที่ได้จากการหาค่าความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารจัดการสถานศึกษามีความสัมพันธ์ทางบวกกับประสิทธิผลการบริหารจัดการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) พบว่า ตัวแปรประสิทธิผลการบริหารจัดการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) โดยรวมและรายด้านทั้ง 4 ด้าน อันได้แก่ ด้านการศึกษาพื้นฐาน ด้านการศึกษาเพื่ออาชีพการงาน ด้านการศึกษาเพื่อชีวิต และด้านการศึกษาเพื่อสังคมและชุมชน มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการบริหารจัดการสถานศึกษา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

การบริหารงานบุคคลของผู้บริหารของศูนย์สถานศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดบุรีรัมย์

การบริหารงานบุคคลของผู้บริหารของศูนย์สถานศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดบุรีรัมย์
Personnel Administration of Administrators at the Office of Buriram Non-Formal and Informal Education

Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1) ศึกษาการบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดบุรีรัมย์ และ 2) เปรียบเทียบความคิดห็นของครูที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษา การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดบุรีรัมย์ โดยจำแนกตามประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน และขนาดของสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่างเป็นครู จำนวน 217 คน ซึ่งได้มาโดยการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของเครจซี่และมอร์แกน และการสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมี 3 ลักษณะ ได้แก่ แบบสำรวจรายการ แบบมาตราส่วนประมานค่า 5 ระดับ และแบบปลายเปิด มีค่าความเชื่อมั่น 0.96 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วรนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยรายคู่ตามวิธีการของเชฟเฟ่ ผลการวิจัยพบว่า 1. การบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษา การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดบุรีรัมย์ตามความคิดเห็นของครู โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก 2. การบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษา การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดบุรีรัมย์ ตามความคิดเห็นของครูที่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานต่างกัน โดยรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อจำแนกเป็นรายรายด้านพบว่าด้านการพัฒนาบุคลากรแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านอื่น ๆ ไม่ต่างกัน 3. การบริหารบุคลกรบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดบุรีรัมย์ ตามความคิดเห็นของครุที่ปฏิบัติงานในสถานศึกษาขนาดต่างกัน โดยรวมไม่แตกต่างกัน เมื่อจำแนกเป็นพบว่าด้านการพัฒนาบุคลากร แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านอื่น ๆ ไม่ต่างกัน 4. ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของครูเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษา การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีจำนวนมากที่สุดในแต่ละด้านมีดังนี้ คือ ด้านการวางแผนกำลังคน ได้แก่ ควรมีการวางแผนให้บุคลากรสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มความสามารถ ด้านการสรรหาและบรรจุแต่งตั้ง ได้แก่ ควรได้รับการอบรมพัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่อง ด้านการประเมินผลการปฏิบัติงาน ได้แก่ ควรปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด
Abstract: The purposes of this research were to study teachers’ opinions on personnel Administration of Administrators at the Non- Formal and to compare teachers’ opinions on this issue. They were classified by their work experience and school sizes. The sample consisted of 217 teachers, selected by using the table of Krejcie % Morgan and stratified random sampling. The instrument was a set of questionnaires with three parts: checklist, 5-rating scale and open-ended questions with the reliability at 0.96. The statistics used for analyzing the collected data were percentage, mean, standard deviation and one-way ANOVA. Moreover, Scheffe’s method was employed to compare each pair of the differences. The research results revealts that: 1) Basen on the sample’s opinions, the personnel administration administration of Administrators at the Non- Formal and Informal Education Center under the Office of Buriram Non-Formal and Informal Education was found at high level in overall and each aspect. 2) The personnel Administration of Administrators at the Non- Formal and Informal Education Center under the office Buriram Non-Formal and Informal Education according to opinions of the teachers with different work experience was not found different in overall aspect. Upon considering each aspect, it showed that personnel development was significantly different at the statistical level of .05 while other aspects were not found different. 3) The personnel Administration of Administrators at the Non- Formal and Informal Education Center under the office Buriram Non-Formal and Informal Education according to opinions of opinions of the teachers with different school sizes was not found different in overall aspect. Upon considering each aspect, it showed that personnel development was also singnificantly different at the statistical level of .05 while other were not found different. 4) The following recommendation about the personnel administration were mostly made by the sample: For manpower plan, it should be clearly set for developing personnel adhere on their potentiality. For recruiting, recruitment should strictly adhere to the regulations. For personnel development, all teachers should strictly adhere to the regulations. For personnel development, And for work performance evaluation, teachers’ work performance should strictly follow the regulations.
มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. ศูนย์วิทยบริการ.
Address: บุรีรัมย์
Email: library@bru.ac.th
Role: ที่ปรึกษาหลัก
Role: ที่ปรึกษาร่วม
Created: 2560
Modified: 2561-10-08
Issued: 2561-08-29
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
tha
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์

ปัจจัยการบริหารแบบมีส่วนร่วม

ปัจจัยการบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อการจัดการความรู้ในสถานศึกษาเอกชน จังหวัดฉะเชิงเทรา
Participation management factor affecting knowledge management. on private schools. Chachoengsao Province

Organization : มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์
Email : warunee.kru@gmail.com
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. สำนักหอสมุดกลาง
Address: กรุงเทพมหานคร
Email: library@kmutnb.ac.th
Created: 2554
Modified: 2559-06-29
Issued: 2559-06-29
บทความ/Article
application/pdf
BibliograpyCitation : ใน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม. การประชุมวิชาการครุศาสตร์อุตสาหกรรมระดับชาติ ครั้งที่ 4 (NCTechED 4th) (p.475-480). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
tha
©copyrights มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

การดำเนินการบริหารงานบุคคลในสถานศึกษา

การดำเนินการบริหารงานบุคคลในสถานศึกษาตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 5

Classification :.DDC: 373.12011
Thepsatri Rajabhat University
Address: LOP BURI
Email: library.tru@lawasri.tru.ac.th
Created: 2562
Modified: 2562-06-18
Issued: 2562-06-18
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
373.12011
tha
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี